อุดรธานี นอกจากจะมี วัดสวยและศักดิ์สิทธิ์ อยู่เป็นจำนวนมากแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ อย่าง อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ซึ่งได้ถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งใน มรดกโลก ที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในจุดที่น่าไปเช็กอินท์มาก ๆ ถ้าใครสงสัยว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างไร วันนี้ ที่เที่ยวไทย จะพาทุกท่านไปทัวร์กันเองครับ
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดขอนแก่น
อุทยานประวัติศาสตร์ภู พระบาท ตั้งอยู่บนภูเขา ที่มีชื่อว่า ภูพระบาท โดยอยู่ในเขตพื้นที่เมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน ซึ่งเป็นเทือกเขาหินทราย ที่อยู่ไปทางทิศตะวันตกของจังหวัดอุดรธานี โดยจะมีความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยปานกลางประมาณ 320 – 350 เมตร สภาพโดยทั่วไปนั้น จะเป็นป่าโปร่ง มีพืชพันธุ์ธรรมชาติประเภทไม้เนื้อแข็งขึ้นปกคลุมเป็นจำนวนมาก
ประวัติและความเป็นมา
จากการสำรวจทางโบราณคดีที่ผ่านมาได้พบว่าบนภูพระบาธแห่งนี้ได้ปรากฏร่องรอยกิจกรรมของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์กำหนดอายุได้ราว ๆ 2,500 – 3,000 ปีมาแล้ว ดังตัวอย่างการค้นพบภาพเขียนสีที่มีอยู่มากกว่า 54 แห่งบนภูเขาลูกนี้ นอกจากนี้ก็ยังพบการดัดแปลงเพิงหินธรรมชาติให้กลายเป็นศาสนสถานของผู้คน ตั้งแต่ในวัฒนธรรมทวารวดี ,วัฒนธรรมเขมร, วัฒนธรรมล้านช้าง และมาจนถึงรัตนโกสินทร์ไล่ตามลำดับ ซึ่งร่อยรอยหลักฐานทางโบราณคดีเหล่านี้ ได้แสดงให้เราเห็นถึงพัฒนาการทางสังคมของมนุษย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยได้เป็นอย่างดีเลยครับ
และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทาง กรมศิลปากร ได้ขอใช้พื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติ เป็นจำนวนทั้งหมด 3,430 ไร่ จากกรมป่าไม้ นั่นเองครับ และได้มีการประกาศเพื่อขึ้นทะเบียนให้กลายเป็นเขตโบราณสถานเอาไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 98 ลงวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2524 หลังจากนั้นจึงได้ทำการพัฒนาแหล่งจนกลายมาเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาธในที่สุด โดยมีพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาธ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2535 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอุทยานฯแห่งนี้ครับ
ในปัจจุบันนั้น อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาธ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในสังกัดของ สำนักศิลปากรที่ 8 จังหวัดขอนแก่น ได้มีโบราณสถานที่อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วทั้งสิ้นจำนวน 78 แห่ง มีภารกิจหลัก ๆ ก็คือการดูแลรักษา พร้อมอนุรักษ์และพัฒนา รวมถึงทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโบราณสถานและโบราณวัตถุที่ได้อยู่ภายในพื้นที่ของอุทยานฯ รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง อีกทั้งยังเปิดให้บริการในฐานะแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาธ เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ที่มีจุดเด่นแตกต่างจากแห่งอื่นๆ เนื่องจากโบราณสถานส่วนมากที่พบอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ โดยโครงสร้างแล้วเกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อธรณีสัณฐานของพื้นที่ ต่อมามนุษย์ในอดีตได้เข้ามาดัดแปลงเพื่อสนองต่อวัฒนธรรมในแต่ละช่วงสมัย
สถานที่สำคัญในอุทยานประวัติศาสตร์ภู พระบาท
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพะบาท เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของมนุษย์ที่มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในด้านการคิดค้น ดัดแปลงทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิต ตลอดจนความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกในชีวิตประจำวันออกมาเป็นงานศิลป์ ในรูปของภาพเขียนตามเพิงถ้ำ เพิงหิน ความสามารถนี้เป็นลักษณะเฉพาะตัวของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ไม่เคยมีปรากฏในสัตว์กลุ่มอื่นๆ
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่อยู่ภายในอุทยานฯภูพระบาดนั้น ได้กระจายออกเป็นพื้นที่กว้าง โดยจะเป็นกลุ่มเพิงหินที่มีลักษณะคล้ายกับรูปดอกเห็ด รวมถึงรูปร่างอื่น ๆ ที่ได้เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ ทั้งยังเป็นสถานที่ให้มนุษย์ตั้งแต่ครั้งก่อนประวัติศาสตร์ได้เข้ามาอาศัยภายใต้ร่มเงา
พร้อมกับถ่ายทอดอารมณ์ออกมาเป็นภาพเขียนบนฝาผนัง และให้มนุษย์สมัยประวัติศาสตร์ได้ทำการดัดแปลงใช้เป็นศาสนสถาน โดยการสกัดเอาเนื้อหินส่วนที่เป็นฐานของร่มเห็ดออกให้เป็นช่องโล่งกว้าง และได้ทิ้งบางส่วนไว้ให้เป็นเสาค้ำยันส่วนหลังคา โดยจะมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันไปว่า หอนางอุสา กู่นางอุสา คอกม้าท้าวบารส ถ้ำพระ วัดพ่อตา วัดลูกเขย คอกม้าน้อย เป็นต้นครับ
โดยมีการสลักก้อนหินเป็นภาพพระพุทธรูป และได้สกัดพื้นพลาญหินให้เป็นร่องโดยรอบเพิงหินธรรมชาติ เพื่อเอาไว้ใช้เป็นที่ตั้งใบเสมาหิน และยังมีการขุดพื้นหินให้กลายเป็นบ่อที่มีขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 2 เมตร และลึก 5 เมตร โดยขอบบ่อนั้นสูงจากลานหินประมาณ 1 เมตร เรียกกันว่า บ่อน้ำนางอุสา นั่นเองครับ
หอนางอุสา
โดยจะมีลักษณะเป็นโขดหินคล้ายกับรูปดอกเห็ด หรือ หอคอยขนาดเล็ก ตัวหอของนางอุสานั้นตั้งอยู่บนลานหินกว้าง ลักษณะประกอบด้วยหินขนาดใหญ่สองก้อนที่เรียงซ้อนทับกันในแนวดิ่ง โดยหินก้อนบนมีความกว้าง 5 เมตร ยาว 7 เมตร และมีความสูง 10 เมตร เมื่อวัดจากพื้นลานหิน คาดว่าสภาพที่เห็นตั้งอยู่แบบนี้น่าจะเกิดจากธรรมชาติ แต่ภายหลังถูกดัดแปลงเพื่อเป็นที่พักของมนุษย์ในสมัยก่อน โดยภายในแบ่งออกเป็นห้องมีลักษณะก่อหินเป็นรูปหน้าต่าง จากการสำรวจทำให้พบว่ามีใบเสมาหินเรียงอยู่โดยรอบจึงสันนิษฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นเขตพิธีกรรมทางศาสนามาก่อน
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความเป็นมาของ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อีกหนึ่งสถาที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของ จังหวัดขอนแก่น ที่หากใครชื่นชอบการท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติโบราณ พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ด้วยแล้ว อุทยานฯภูพะบาท แห่งนี้ ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ สำหรับวันนี้ เว็บหวยสด คงต้องขอตัวลากันไปก่อน บทความหน้าเราจะพาไปเที่ยวไหว้พระที่ไหน รอติดตามชมกันได้เลย สวัสดีครับ