เที่ยวหัวหิน 2024 วัดห้วยมงคล การไหว้นมัสการหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่

วันนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวกราบไหว้ หลวงปู่ทวด กันที่ วัดห้วยมงคล อำเภอหัวหิน ซึ่งเป็นวัดที่มี หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึง ไอ้ไข่ องค์ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน รับรองว่าทริปนี้จะต้องถูกใจสายบุญทุกคนอย่างแน่นอน ต้องไปกราบไหว้ขอพร ให้ได้สักครั้งในชีวิต เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเอง และคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นลองตาม วัดดังหัวหิน ไปดูกันได้เลย

วัดห้วยมงคล ประจวบคีรีขันธ์

วัดห้วยมงคล

ประวัติและความเป็นมาของวัด

วัดห้วยมงคล นั้นมีที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งปัจจุบันนั้นเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางมาหัวหินเป็นอย่างมากมาย วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งแต่เดิมใช้ชื่อว่า “วัดห้วยคต” ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานนามใหม่จากเดิมที่ชื่อ “ห้วยคต” เปลี่ยนเป็นห้วยมงคล ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นทั้งชื่อหมู่บ้านห้วยมงคล มีทั้ง วัด ห้วยมงคล โรงเรียนห้วยมงคล รวมไปจนถึงโครงการต่าง ๆ อีกมากมาย

เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้วที่หมู่บ้านห้วยมงคล เป็นที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จมาเยี่ยมประชาชน ด้วยโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับพสกนิกรให้มีฐานะดีขึ้น ประชาชนมีสุขกันทั่วหน้าและโครงการต่างๆ ก็ดำเนินไปได้ด้วยดี เพราะมีส่วนราชการให้การดูแล รวมทั้งทรงอุปถัมภ์วัดห้วยมงคลไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจสำหรับชาวบ้าน

ต่อมาพระครูปภัสรวรพินิจ หรือพระอาจารย์ไพโรจน์ ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัด ห้วยมงคล องค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นพระนักพัฒนาซึ่งเป็นที่เคารพของคนในชุมชนบ้านห้วยมงคล และพลเอกวิเศษ คงอุทัยกุล รองสมุหราชองครักษ์ได้มีดำริที่จะสร้าง “หลวงพ่อทวด” องค์ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ รวมทั้งเผยแพร่และสืบทอดพระพุทธศาสนาอีกทั้งให้เป็นที่เคารพสักการบูชาและเป็นที่พึ่งทางใจของเหล่าพุทธศาสนิกชน

ปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด)

วัดห้วยมงคล

ปาฏิหาริย์ หลวงพ่อทวด ที่บรรดาเหล่าพุทธศาสนิกชนในจังหวัดทางภาคใต้ นั้นได้ให้ความเคารพเลื่อมใสมาเป็นเวลานาน และยังเป็นที่รู้จักกันอย่างดี จึงทำให้กิดการร่วมมือร่วมใจจากหลายองค์กร โดยไม่วาจะเป็นภาครัฐ หรือ ภาคเอกชน ในการสร้างประติมากรรมองค์จำลอง หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ขึ้นมา

ปัจจุบันรูปหล่อหลวงพ่อทวดซึ่งหล่อด้วยโลหะผสม มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.9 เมตร และสูงถึง 11.5 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสูงจำนวน 3 ชั้น ชั้นล่างมีความกว้าง 70 เมตร และยาว 70 เมตร เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้มีพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศต่างพากันได้เดินทางมานมัสการกราบไหว้ เคารพสักการะ กันเป็นจำนวนมากในแต่ลวันน

นอกจากนี้ที่ทางวัดยังมี หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งแกะสลักจากได้ตะเคียนทองขนาดใหญ่ ที่มีอายุมากกว่า 1000 ปี ที่พบเจอมาจากการฝังอยู่ในทรายภายใต้แม่น้ำยม จังหวัดแพร่ ที่ลึกลงไปกว่า 10 เมตร โดยชาวบ้านต่างพาเชื่อกันว่าต้นไม้ที่มีแก่นสูง 1 คืบขึ้นไป แต่ละต้นนั้นจะมีเทวดาสิงสถิตอยู่เพื่อดูแลปกป้องคุ้มครอง คนที่ได้มาสักการบูชา เมื่อนำต้นตะเคียนทองมาทำรูปเคารพ เช่นแกะเป็นหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดจึงทำให้มีอนุภาพ และความศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น ทั้งช่วยดลบันดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ

ประวัติหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

วัดห้วยมงคล

หลวงพ่อทวด หรือ สมเด็จพะโค๊ะ มีนามเดิมว่าปู ท่านเป็นบุตรของนายหู และ นางจัน สำหรับ วัน/ เดือน / ปีเกิดของเด็กชายปู นั้นบ้างว่าเป็นเดือน 4 ปีมะโรง ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2125 และบ้างว่าเป็นปี พ.ศ. 990 หรือปีฉลู พ.ศ. 2131 โดยได่อนุมาน เข้าใจว่าคงเป็นช่วงปลายสมัยมหาธรรมราชา ซึ่งอาจเป็นปี พ.ศ. 2125 หรือ 2131 นั่นเองครับ

เมื่ออายุได้ 7 ขวบ บิดาเด็กชายปูได้นำท่านไปฝากไว้กับท่านสมภารจวง ซึ่งเป็นพี่ชายของนางจัน ผู้เป็นมารดาของเด็กชายปู (หลวงลุง) ที่วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) เพื่อให้ท่านได้เล่าเรียนหนังสือ ซึ่งเด็กชายปู นั้นเป็นเด็กที่มีความเฉลียวฉลาดมาก สามารถเรียนหนังสือขอมและไทยได้อย่างรวดเร็ว เมื่อครบอายุ 10 ขวบ ก็เข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์ โดยการบวชเป็นสามเณรและบิดาได้มอบแก้ววิเศษเอาไว้ให้เป็นของประจำตัว

ต่อมาสามเณรปูได้ไปศึกษาต่อกับพระชินเสนที่วัดสีหยัง (สีคูยัง) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงมากมาจากกรุงศรีอยุธยา เมื่อได้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่นครศรีธรรมราช ณ สำนักพระมหาเถระปิยทัสสี ต่อมาก็ได้เข้ารับการอุปสมบท มีฉายาว่า “ราโมธมฺมิโก” แต่คนทั่วไปเรียกว่า “เจ้าสามีราม” เจ้าสามีรามได้ศึกษาอยู่ที่วัดท่าแพ วัดสีมาเมือง และวัดอื่นๆอีกหลายวัด

เมื่อท่านเห็นว่าการศึกษาที่นครศรีธรรมราชเพียงพอ ท่านจึงได้ขอโดยสารเรือสำเภาเพื่อเดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยา ในขณะเดินทางถึงเมืองชุมพร ได้เกิดคลื่นลมทะเลปั่นป่วนจนเรือไม่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมไปได้ ทำให้ต้องจอดทอดสมออยู่กลางทะเลนานถึง 7 วัน จนทำให้เสบียงอาหารและน้ำหมดไป บรรดาลูกเรือจึงได่ตั้งข้อสงสัยกันว่าการที่เกิดเหตุอาเพศขึ้นในครั้งนี้อาจเป็นเพราะเจ้าสามีราม

จึงตกลงใจกันส่ง เจ้าสามีราม ขึ้นบนเกาะ ได้ทำการนิมนต์ให้เจ้าสามีรามลงจากเรือมาด ขณะที่ท่านนั่งอยู่ในเรือมาดนั้นท่านได้ห้อยเท้าแช่ลงไปในน้ำทะเล ก็บังเกิดความอัศจรรย์น้ำทะเลบริเวณนั้นมีประกายแวววาวโชติช่วง เจ้าสามีราม จึงได้บอกให้ลูกเรือลงมาตักน้ำขึ้นเพื่อดื่ม ก็รู้สึกว่าเป็นน้ำจืดจึงรีบตักเก็บเอาไว้จนเพียงพอ นายสำเภาจึงได้นิมนต์ให้ท่านขึ้นมาบนเรืออีกครั้ง หลังจากนั้นท่านได้เป็นชีต้น หรืออาจารย์ของเจ้าสำเภาอิน สืบมา

ในยุคนี้และสมัยนี้ เชื่อว่าเกือบจะไม่มีชาวไทยคนใดเลย ที่จะไม่เคยได้ยินชื่อหรือเรื่องราวกิติศัพท์คำเล่าลือเกี่ยวกับ ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคลาดแคล้วจากอุบัติเหตุ หรือ จากภัยพิบัติต่าง ๆ แต่ใช่ว่าจะคุ้มครองเฉพาะด้านอุบัติเหตุเพียงเท่านั้น แม้แต่ในทางด้านโชคลาภ ก็ให้ผลอย่างดีที่สุดด้วยเช่นกัน หากใครมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวหัวหินไม่ควรพลาดไป วัดดังหัวหิน เพื่อกราบไหว้สักการะ หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ วัดห้วยมงคล เป็นอันขาดครับ

Scroll to Top